รายละเอียดการสอบ TOEIC

            TOEIC (Test of English for International Communication ) เป็นข้อสอบมาตรฐานระดับสากล   ในการวัดทักษะภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ โดยจากกว่า 30 ปีที่ผ่านมา คะแนนสอบ TOEIC ได้ช่วยเหลือ องค์กร สถาบันการศึกษา และรัฐบาลทั่วโลก กว่าหลายพันแห่ง ในการรับสมัครและโปรโมทผู้สมัครที่มีคุณสมบัติมากที่สุด ซึ่งการสอบ TOEIC จัดทำขึ้นโดยEducational Testing Service (ETS) สำหรับในประเทศไทยนั้น มีหลายหน่วยงานและสถาบันต่างๆมากมายที่ต้องการผล TOEIC เช่น ธุรกิจการบิน การโรงแรม การท่องเที่ยว การขนส่ง สถาบันการเงิน ปิโตรเคมี ยานยนต์ โรงพยาบาล รวมทั้งบริษัทข้ามชาติอื่นๆ โดยนำไปใช้ในด้านต่างๆ เช่น สำหรับพิจารณาทักษะทางภาษาอังกฤษเพื่อรับสมัครเข้าทำงาน ปรับเงินเดือน เลื่อนตำแหน่ง คัดเลือกเพื่อไปอบรมสัมนาต่างประเทศ ปัจจุบัน TOEIC มีการสอบสองรูปแบบคือ

  • 1. TOEIC Listening and Reading Test (การฟังและการอ่าน) และ
  • 2. TOEIC Speaking and Writing Tests (การพูดและการฟัง) ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่

             โดยในประเทศไทย มีการสอบเฉพาะแบบ TOEIC Listening and Reading Test (การฟังและการพูด) ซึ่งเป็นแบบทดสอบซึ่งสามารถวัดทักษะความสามารถในการนำภาษาอังกฤษมาใช้งานได้จริง ทั้งด้านการฟังและการอ่านคะแนนของ TOEIC ไม่มีคะแนนได้ คะแนนตก ซึ่งแต่ละคะแนนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการใช้ภาษาของผู้สอบ โดยคะแนน TOEIC เริ่มจาก 10 คะแนนถึง 990 คะแนน

 รูปแบบการสอบ TOEIC (Listening and Reading Test)


            ปัจจุบันการสอบ TOEIC ใช้รูปแบบที่เรียกว่า Redesigned TOEIC แบ่งการสอบเป็น 2 ส่วนคือ การฟัง (Listening) และ การพูด (Reading) จำนวน 200 ข้อ คะแนนเต็มรวม 990 คะแนน เวลาในการทำข้อสอบคือ 2 ชั่วโมง ดังรายละเอียดต่อไปนี้

  • การฟัง (Listening Comprehension) มี 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน เวลา 45 นาที ผู้เข้าสอบจะได้ฟังคำถาม และการสนทนาสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษ แล้วตอบคำถามจากสิ่งที่ได้ยิน โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนย่อย ดังนี้
    • Part 1: Photographs 6 ข้อ
    • Part 2: Question-Response 25 ข้อ
    • Part 3: Conversations 39 ข้อ
    • Part 4: Short Talks 30 ข้อ
  • การอ่าน (Reading Comprehension) มี 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน เวลา 75 นาที ผู้เข้าสอบจะต้องตอบคำถามจากสิ่งที่อ่าน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย ดังนี้
    • Part 5: Incomplete Sentences 30 ข้อ
    • Part 6: Text Completion 16 ข้อ
    • Part 7: Reading Comprehension 54 ข้อ

รายละเอียดของข้อสอบแต่ละตอนมีดังนี้

  • Part 1 Photograph
    • การฟังโดยใช้ความรู้ด้านคำศัพท์ สำนวน โดยจับคู่สิ่งที่ฟังกับรูปภาพ
  • Part 2 Question and Response                  
    • สำนวน คำศัพท์ ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน การตอบคำถามแบบต่างๆ ความเข้าใจในสำนวนต่างๆ ของภาษาอังกฤษ
  • Part 3 Conversation
    • บทสนทนาระหว่างคู่สนทนา 2 คน หรือ 3 คน โดยผู้สอบจะต้องฟังบทสนทนาพร้อมกับตอบคำถามจำนวน 3 ข้อ ต่อ 1 บทสนทนา ผู้เข้าสอบจึงจำเป็นต้องมีความรู้ด้านคำศัพท์ แสลงต่างๆ รวมถึง ทักษะการฟังที่ดีในการทำข้อสอบในส่วนนี้
  • Part 4 Talk
    • การประกาศ การให้ข้อมูล การโฆษณาขายสินค้าที่มีผู้พูดเพียงคนเดียว ผู้เข้าสอบจึงจำเป็นต้องมีความรู้ด้านภาษาอังกฤษในส่วนของการฟังในระดับที่สูง จึงจะสามารถทำข้อสอบในส่วนนี้ได้ดี
  • Part 5 Incomplete sentence
    • ความรู้ด้านคำศัพท์ สำนวน  และไวยากรณ์ ในการเติมประโยคให้สมบูรณ์ ผู้เข้าสอบจึงจำเป็นต้องมีความรู้ด้านคำศัพท์ และ ไวยากรณ์อย่างลึกซึ้ง จึงจะสามารถทำข้อสอบในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดีและรวดเร็ว
  • Part 6 Text Completion
    • การทำให้บทอ่านต่างๆ สมบูรณ์ อาทิ จดหมาย เมนูอาหาร ป้ายประกาศ โฆษณา ฯลฯ  นอกจากผู้เข้ารับการอบรมต้องมีความรู้ด้านคำศัพท์และไวยากรณ์ในระดับที่ค่อนข้างดีแล้วนั้น ผู้เข้ารับการอบรมต้องมีความรู้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของสารที่ปรากฏในบทอ่านด้วย
  • Part 7 Reading Comprehension
    • บทอ่านที่หลากหลาย กลยุทธในการอ่าน และ เทคนิคในการทำข้อสอบให้ทันเวลาและถูกต้อง